Wednesday, August 15, 2012

・ Julia Child's Boeuf Bourguignon ・

เช้านี้เข้ากูเกิ้ลมา แล้วก็เจอกับสิ่งนี้ค่ะ


ก็เลยอุ๊ย! นี่มันคุณป้าจูเลียนี่นา วันนี้ (15 สิงหาคม 2555) เขามีวันเกิดครบ 100 พอดี ทางกูเกิ้ลเขาก็เลยให้เกียรติเอามาเป็น doodle น่ารักทีเดียว
จะว่าไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าของบล็อกก็เพิ่งได้ปรุงเมนูของคุณจูเลียไป 1 อย่าง
นั่นก็คือ Boeuf Bourguignon อันลือชื่อนั่นเอง
ไหนๆ วันนี้คุณป้าจูเลียเขาครบ 100 ปี เจ้าของบล็อกก็เลยขอเอาเมนูของเขามาลงหน่อยก็แล้วกัน เพราะว่ามันอร่อยจริง อร่อยจัง
แต่แต่แต่... สำหรับคนที่ทำเมนูนี้ ต้องมั่นใจว่ามีเวลามากกกกกจริงๆนะคะ เพราะขั้นตอนการทำยาวเหยียด เอาแค่เวลาตุ๋น ก็กินไป 3-4 ชั่วโมงแล้วค่ะ และที่สำคัญคือต้องมีหม้อเหล็กที่สามารถนำเข้าเตาอบได้ทั้งใบค่ะ
เจ้าของบล็อกใช้เวลาตุ๋นกันข้ามคืน กลิ่นหอมทะลุเข้ามาถึงในห้องนอน (เจ้าของบล็อกอยู่คอนโดค่ะ) เล่นเอาฝันถึงเนื้อตุ๋นกันทั้งคืนเลยเชียว แถมตุ๋นเสร็จ ยังไม่จบนะคะ ต้องมาเตรียมเห็ด และหอมด้วย คุณแฟนตื่นมาตี 5 เนื่องจากได้ยินเสียงเจ้าของบล็อกก๊อกแก๊กในครัว ยังถามว่า นี่มันเนื้อตุ๋นมาราธอนเหรอ.. เชอะๆๆ แต่ทำเสร็จแล้วมันก็อร่อยชิมิล่า...


สำหรับวิธีทำ เจ้าของบล็อกตามไปเก็บมาจากใน link นี้
http://www.food.com/recipe/boeuf-bourguignon-a-la-julia-child-148007
แต่ภาษาไทย ยังไม่เห็นมีใครเอามาลงเลยค่ะ เจ้าของบล็อกแปลให้แล้วกันเนอะ (เฮือกกกก ... มันยาวม้ากกกกก)
เริ่มกันเล้ยยย

I entered Google this morning and I found Julia Child's doodle to celebrate 100th birthday of Julia. That's cute.
About a week ago, I just made one of her famous recipe. It's Boeuf Bourguignon!
So.. on the occasion I want to post this recipe to confirm her talented kitchen skill. Because my Boeuf Bourguignon made from her recipe is really really delicious.

For those who want to made one you can follow the instruction from the link below.

But before you make it you have to make sure that you have enough time for the braising because it take about 3-4 hour for this process only.
A fireproof container with the lid is also a must. Preferably la cocotte. I use Stuab. <3 My precious. I gain my arm muscle from this. Haha...

I start cooking at 9PM and I finished at 5 AM the day after. 
I braise the stew overnight. It smell good. But since I leave in condo. So some odor can entered my room. That night I dream about stew. ;b
My boyfriend found me in the early morning busy with the dish so he keep teasing me about this "marathon stew" until now. Haha..
But I bet .. you will not regret to make this dish.


ช้อปปิ้งกันก่อนนะคะ ส่วนผสมมีดังนี้

สำหรับสตูว์
เบคอน 170 กรัม
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
เนื้อสำหรับทำสตูว์ 1.4 กิโลกรัม หั่นเต๋า ความกว้างประมาณ 2 นิ้ว
แครอท 1 หัว ปอกเปลิอก และหั่นเป็นชิ้น
หอมใหญ่ 1 หัว ปอกเปลือก และหั่นเป็นชิ้น 
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทยบดใหม่ 1/4 ช้อนชา
แป้ง 2 ช้อนโต๊ะ
ไวน์แดง 3 ถ้วย (แนะนำไวน์ที่เป็น full bodied เช่น Bordeaux/ Burgundy หรือ Chianti - คือไวน์ที่ผลิตในฝรั่งเศสนั่นแล) 
น้ำซุปเนื้อวัวที่กรองไขมันออกแล้ว 2 -3 ถ้วย 
มะเขือเทศบด 1 ช้อนโต๊ะ (เจ้าของบล็อกซื้อแบบกระป๋องเอาค่ะ) 
กระเทียบบด 2 กลีบ (ถ้าใครชอบกระเทียมก็ใส่เพิ่มได้อีกนะคะ)
ไทม์ 1 ก้าน (หรือถ้าใช้แบบแห้ง ก็ 1/2 ช้อนชาค่ะ)
ใบเบย์ 1 ใบ (เขาแนะนำให้ใช้สด แต่เจ้าของบล็อกก็ใช้แบบแห้งไปค่ะ)
สำหรับหอมเคี่ยว
หอมซุป 18 -24 ลูก ปอกเปลือก
เนยจืด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปเนื้อ 1/2 ถ้วย
เกลือและพริกไทยบดใหม่ สำหรับปรุงรส
ใบเบย์ 1 ใบ
ไทม์ 1 ก้าน
พาร์สลี่ย์ 2 ก้าน
สำหรับเห็ดผัดเนย
เห็ด 450 กรัม หั่นเป็น 4 ชิ้น
เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
 
 Shopping

ได้ของครบแล้วก็เริ่มทำกันค่ะ

ส่วนสตูว์
  1. เริ่มจากเตรียมเบคอนนะคะ หั่นส่วนของหนังหมูแยกออกมา พักไว้ค่ะ
  2. หั่นเบคอนหนา 1/4" นิ้ว ยาว 1 1/2" นิ้ว
  3. ต้มน้ำ 1.4 ลิตร พอน้ำเดือดปุดๆ ใส่เบคอนลงไปต้มพร้อมๆกับหนัง ประมาณ 10 นาที
  4. รินน้ำออก ซับน้ำออกจากเบคอนและหนังให้แห้ง พักไว้
  5. ตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 230 องศาเซลเซียส
  6. ตั้งกระทะขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9-10 นิ้ว ลึก 3 นิ้ว บนเตาไฟกลาง เทน้ำมันมะกอกลงไป พอร้อน ผัดเบคอนในกระทะประมาณ 2-3 นาที จนเป็นสีน้ำตาล พักไว้บนจาน เก็บน้ำมันไว้นะคะ
  7. หันมาที่เนื้อสตูว์กันบ้างค่ะ ซับน้ำออกจากชิ้นเนื่อ แล้วเอาลงผัดในกระทะ จนเป็นสีน้ำตาลครบทุกด้าน
  8. พอเนื้อเป็นสีน้ำตาลปั๊บ เอามาพักบนจานเดียวกับเบคอนเลยค่ะ
  9. คราวนี้เอาหอมใหญ่กับแครอทลงผัดในกระทใบเดิม เอาให้นิ่มเลยนะคะ
  10. เทน้ำมันออกจากเบคอนและเนื้อที่เราพักไว้ แล้วใส่ในหม้อที่เราจะเอาไปตุ๋นในเตาน่ะค่ะ ใส่แครอบและหอมลงไปพร้อมกันเลย 
  11. โรยเกลือ พริกไทย และแป้งลงไปค่ะ เขย่าให้พอเข้ากัน จากนั้นก็ส่งเค้าเข้าเตาอบไปก่อน 4 นาที แบบไม่ต้องปิดฝานะคะ
  12. ครบ 4 นาทีแล้ว เอาออกจากเตาค่ะ ลดความร้อนลงเหลือประมาณ 
  13. ใส่ไวน์และน้ำซุปจนกระทั่งท่วมเนื้อทั้งหมด ใส่มะเขือเทศบด กระเทียม ใบเบย์ ไทม์ และหนังลงไปค่ะ ตั้งให้เดือดบนเตาซักครู่
  14. คราวนี้ปิดฝาหม้อ แล้วจับเข้าเตาอบอีกครั้งค่ะ ปรับความร้อนให้ของเหลวในหม้อเดือดเบาๆ ทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมงค่ะ วิธีดูว่าเนื้อได้ที่รึยังก็คือลองเอาส้อมจิ้มดูค่ะ ถ้าจิ้มลงง่ายๆ ล่ะก็ ประสบความสำเร็จแล้วค่ะ
ระหว่างนั้นมาเตรียมหอมกัน
  1. ถ้าใช้หอมแช่แข็งต้องละลายน้ำแข็งแล้วก็ซับน้ำให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เสร็จแล้วก็เตรียมหม้อกัน ใส่เนยกับน้ำมันมะกอกในหม้อค่ะ ตามด้วยหอม ผัดด้วยไฟกลางไปประมาณ 10 นาที หมั่นกลับด้านหอมซักนิดนึงค่ะ หอมจะได้ไม่แตก แล้วก็เป็นสีน้ำตาลสวยเท่าๆกัน
  2. เทน้ำซุปลงไปค่ะ ลองชิม และปรุงรสดูนะคะ ใส่ใบเบย์ ไทม์ และพาร์สลี่ย์ ปิดฝาไว้ แล้วเคี่ยวไฟต่ำประมาณ 40-50 นาที จนกระทั่งหอมนุ่ม แต่ยังคงรูปเดิมอยู่ และน้ำซุปได้ระเหยออกไปเกือบหมดแล้ว
  3. เอาใบเบย์ ไทม์ และพาร์สลี่ย์ออกจากหม้อ พักหอมไว้บนจานก่อน 
หันมาเตรียมเห็ดกันบ้าง
  • ตั้งเนยกับน้ำมันมะกอกในกระทะใบใหญ่ ใช้ไฟสูงนะคะ พอฟองเริ่มหายไป ก็ใส่เห็ดลงไปในกระทะได้เลย หมั่นเขย่ากระทะจนครบ 5 นาที เห็ดจะเริ่มเป็นสีน้ำตาล เราก็เอาออกจากกระทะมาพักไว้ได้เลย
ขั้นตอนสุดท้าย (รึเปล่า..)
  1. พอเราเห็นว่าเนื้อนุ่มแล้ว นำเนื้อออกจากหม้อที่เราตุ๋น กรองของเหลวใส่กระทะไว้นะคะ 
  2. ล้างหม้อที่เราตุ๋นให้สะอาดเอี่ยมค่ะ นำเนื้อและเบคอนกลับมาใส่ในหม้อ จับพวกเศษแครอทกับหอมใหญ่ และสมุนไพรต่างๆออกไปค่ะ (เจ้าของบล็อกไม่ได้เอาออกแหละ อยากให้มีผักเยอะหน่อย)
  3. เอาเห็ดกับหอมที่เราเตรียมไว้ ใส่หม้อตามเนื้อลงไป พักไว้สักครู่ค่ะ
  4. หันมาหาซอสที่กรองไว้ ตั้งไฟให้เดือดเบาๆ ประมาณ 1-2 นาที  ตักมันที่อยู่บนผิวหน้าออก จนเหลือซอสประมาณ 2 1/2 ถ้วย และซอสข้นจนกระทั่งเคลือบช้อนได้บางๆ ถ้าซอสข้นเกินไป ให้เติมน้ำซุปเล็กน้อย แต่ถ้าซอสยังเหลวเกินไป ก็ต้มไปเรื่อยๆจนได้ความข้นที่ต้องการค่ะ
  5. ชิมรสและปรุงตามชอบ ถ้าได้รสที่ถูกใจแล้ว เทซอสลงบนเนื้องและผักของเราในหม้อค่ะ 
จัดเสิร์ฟ... แฮ่กกันหรือยังคะ :D
  • ถ้าเสิร์ฟทันที เอาหม้อขึ้นตั้งไฟอีกครั้งนะคะ ให้เดือดเบาๆ ประมาณ 2-3 นาที จะเสิร์ฟจากหม้อเลย หรือจะแบ่งเสริ์ฟก็ได้ค่ะ ทานพร้อมข้าว มันฝรั่ง ขนมปัง อะไรก็ได้ ตามใจชอบเลยตกแต่งด้วยพาร์สลีย์สีเขียวดูสดใสค่ะ
  • ถ้ายังไม่เสิร์ฟตอนนี้ ก็ปล่อยให้สตูว์ของเราเย็นก่อนค่ะ ปิดฝา แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ  ถ้าจะทานแล้วก็เอาออกจากตู้เย็นก่อนซัก 20 นาทีค่ะ ตั้งไฟกลางประมาณ 10 นาที ถ้ารู้สึกว่าเนื้อแห้ง จะเติมน้ำมันมะกอก หรือเนยลงไปในระหว่างนี้ก็ได้ค่ะ
 ผลสำเร็จ ท้าดา...
Finished..

 ทานกับสปาเก็ตตี้ก็อร่อย
With spaghetti

 หรือจะโปะหน้าขนมปังก็เยี่ยม
With garlic bread.

ว่าแล้วก็ลาไปด้วยประโยคฮิตของคุณป้าจูเลียค่ะ Bon Appétit :)

To say goodbye in Child's way, I guess I must say Bon Appétit. :)

Sunday, August 12, 2012

・Callum's Croissant Pudding with Clotted Cream and Berries ・

เจ้าของบล็อกไปเห็นสูตรนี้เข้าจากใน pantip ค่ะ
เห็นคุณว่านน้ำเขาทำ ก็เลยลองทำดูบ้าง แถมยังได้ดู Junior Master Chef ทำเอาหลงเสน่ห์เด็กน้อยทั้งหลาย เด็กๆทุกคนทำอาหารกันเก่งสุดๆ แถมแต่ละคนก็ดูจิตดีมาก แม้ว่าจะต้องแข่งขันกัน แต่ก็ให้กำลังใจกันตลอดเวลา ไม่มีดราม่าให้เหนื่อยหัวใจ

I've found this recipe from pantip.com
One of board member have made it and also introduced me "Junior Master Chef".
After I watch this cooking reality, I'm totally fall in love with the kids. They all are fantastic, their cooking skill are superb and they also have a good heart, always cheer up other contestants even they are in the competition. That's  so cute.

ใครอยากลองทำตาม ดูได้จากลิงค์นี้นะคะ
แต่รู้สึกว่าคุณว่านน้ำเขาจะมีปรับสูตรนิดหน่อย

If you can read Thai, you can get the recipe from the link below, but she was adapted in some part of the recipe.
http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:6NN14LHL6WQJ:www.pantip.com/cafe/food/topic/D12352658/D12352658.html+&cd=7&hl=th&ct=clnk&gl=th 

สำหรับสูตรออริจินอล ตามมาที่นี่เลยค่า เจ้าของบล็อกทำตามสูตรออริจินอลนี้แล เพียงแต่ว่า เค้าไม่มี chocolate croissant ก็เลยใช้ croissant ธรรมดาแทนนะจุ๊ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่มีผิดหวังค่ะ เนื้อ pudding นุ่มมมม croissant ก็กรอบ ทานพร้อมครีม ซอสช็อคโกแลต และสตรอว์เบอร์รี่ รสชาติลงตัวมากค่ะ

The original one that I did is below link, but I substitute chocolate croissant to butter croissant. The result is great pudding texture is so soft contrast with croissant that is crunchy outside. Combining with clotted cream, chocolate sauce and marinated strawberry made this dish remarkable. 

https://docs.google.com/viewer?a=v&q=cache:AeMyBS1ivLwJ:www.masterchef.com.au/recipesapi//docs/pdf.aspx?rid%3D139%26sid%3D1%26template%3Drecipe-main+&hl=th&gl=th&pid=bl&srcid=ADGEEShzQd59Fao06jE29_7BXpIumWRf6F8Af0Lm2krHtWcCXbkxT-g4RRingt-R3Qy0QS9Xlhbq2pAhrbrP7iNcPuRjk44cd5YvYeh3KUGxp47x8Zcj3250ZoXdkqW5GyyYkbe1riWN&sig=AHIEtbQqoTM1qVgC60VYdXcggcY8AwYFRQ&pli=1




ทานกับแยมเสาวรสก็เข้ากันดีนะคะ
Variation: with passion fruit preserved

ทาน Croissant pudding จนหมด ยังมีซอสช็อคโกแลตอยู่พอสมควร เลยเอามาทานกับนู่นนี่เรื่อยเปื่อยค่ะ
ซอสช็อคโกแลตนี่ พอแช่เย็นแล้วเนื้อจะแน่นหน่อย เหมือนมูสเลยค่ะ แต่พอออกจากตู้เย็นซักพักก็จะเหลวนะคะ ทานตอนเย็นๆ อร่อยกว่าค่ะ

After I finished my croissant pudding I still have some amount of chocolate sauce so I adapted to have my chocolate sauce in variations below.
This chocolate sauce is quite like a mousse once chilled but rather runny when time passed so you  should have it once still cold.

 ทานกับสตรอว์เบอร์รี่
With strawberry.

กับมันฝรั่งทอด
With chips

กับนมตุ๋น สูตรตามนี้เลย http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2009/06/D7947636/D7947636.html
With steamed milk

กับแครกเกอร์
With cracker

ส่วนใครอยากดูความน่ารักของน้องๆ และฝีมือทำอาหารเทพๆ ตามไปที่นี่เลยจ้ะ

For those who want the see kids' loveliness and their amazing skill, follow the link below.

http://www.dailymotion.com/video/xesgkq_junior-masterchef-aus-episode-1-par_shortfilms

Friday, August 10, 2012

Sweet Allure ・ Masatomi Patisserie ・

แวะไปธุระที่พารากอนเมื่อวันก่อน
ลงมาเจอเขากำลังมีงานของหวาน sweet allure กันอยู่ (ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม-10 สิงหาคม 2555) เลยขอแวะเข้าไปดูซักหน่อย
เดินวนอยู่ 1 รอบ ก็ตัดสินใจซื้อ macaron ของร้าน Masatomi Patisserie มาลองชิม


macaron สีเหลืองแอบแตกนะฮะ

น้องคนขายเขาโฆษณาว่าเป็น macaron ที่ไม่หวาน
ซื้อมา 4 ชิ้น ดังนี้ค่ะ Citrus สีเหลือง, Pistachio สีขาว,Yuzu สีส้ม และ Sakura สีชมพู 


 


อร่อยค่ะ เจ้าของบล็อกชอบ Pistachio ที่มี pistachio paste สีเขียวข้างใน หอมเชียว
กับ Citrus ที่มี lemon curd มาตัดความหวาน (คือ ถึงน้องเขาจะว่าหวานน้อย แต่เกิดมาเป็น macaron อ่ะน่ะ ยังงั้ยยยยยังไงมันก็หวานน่ะ)

ราคา macaron อยู่ที่ 40-50 บาทต่อชิ้น ซึ่งทางร้านมีขายแบบกล่อง 7 ชิ้นด้วย ราคา 350 บาท ก็เลยออกจะงงๆ เพราะนอกจากซื้อแบบกล่องจะไมไ่ด้ลดราคาแล้ว ถ้าซื้อคละชิ้นที่ราคา 40 บาทเข้าไปด้วยก็กลายเป็นว่าจ่ายเกินราคาจริงนะสิ


ถ้าใครสนใจลองไปชิมล่ะก็ ร้าน Masatomi Patisserie เขาอยู่ที่ตึก Portico หลังสวนด้วยนะจ๊ะ ได้ข่าวว่าโมจิเค้กของเขาห้ามพลาดทีเดียว :)

Tuesday, August 7, 2012

ถั่วแขกผัดกระเทียม • Bush bean stir fry with garlic

ไม่รู้ว่าคนที่ทำอาหารคนอื่นเขาจะเป็นกันมั้ยนะ
คือถ้าทานข้าวนอกบ้านเนี่ย ไม่มีปัญหาอะไร แต่ไอ้การจะซื้ออาหารตามสั่งมาแกะกินที่บ้าน มันจะรู้สึกตะหงิดๆ ทำนองว่า ถ้าไม่ได้หิวขนาดต้องกินเดี๋ยวนี้ แล้วต้องเข้าบ้านอยู่แล้ว ทำไมไม่ซื้ออะไรเข้าไปทำกินเองล่ะ คราวนี้ก็เลยต้องเดือดร้อนมานั่งคิดว่าแล้วจะทำอะไร คิดถึงถึงวัตถุดิบที่มีอยู่ แวะซุปเปอร์ฯเพื่อหาซื้อของที่ยังขาด กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปซะงั้น

คราวนี้เจ้าของบล็อกก็มารูปเดิมค่ะ หิวจะแย่ แต่ก็อยากทำอะไรกินเอง เลยลองแวะวิลล่าแถวบ้าน เผื่อเจอวัตถุดิบอะไรน่าสนใจ แล้วก็โป๊ะเชะค่ะ เจ้าของบล็อกได้พบกับ .. ถั่วแขกดอยคำ .. เย่!! แล้วก็พลันนึกไปถึงถั่วแขกผัดกระเทียมร้านเกี๊ยวจีน โอว.. มันช่างกรุบกรอบ เค็มนิด เผ็ดหน่อย ชวนน้ำลายไหลดีแท้

ว่าแล้วเจ้าของบล็อกก็หยิบมือถือขึ้นมาเสิร์ชหาวิธีทำจากเหล่าปรมาจารย์ในทันใด
แล้วก็พบวิธีทำจากลิงค์นี้ค่ะ http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2011/06/D10733330/D10733330.html

ต้องขอขอบคุณเจ้าของสูตรมา ณ ที่นี้นะคะ
สำหรับถั่วแขกผัดกระ เทียมเวอร์ชั่นเจ้าของบล็อกก็ตัดเห็ดหอมแห้งออกไปค่ะ เพราะอยากใช่แค่ของที่มีอยู่ ไม่อยากซื้ออะไรเพิ่มมาก สัดส่วนเครื่องปรุงต่างๆก็ชิมๆ แล้วก็เพิ่มๆ ลดๆ เอาตามใจตัวเองค่ะ
และถึงแม้ว่าจะไม่ได้กรอบกรุบกรับเหมือนอย่างที่ทานในร้าน แต่ก็อร่อยไม่ใช่เล่นนะเอ้อ

เริ่มจากเตรียมวัตถุดิบ

I had some strange thought that I don't have any problem with dining out but if I have to buy it from the restaurant to unpack and eat at home, I'll have a feeling like .. if I have to buy and go back home to eat it, why don't I just cook it up.

This dish is a result of that thought. I feel hungry but I insist to cook instead of buying something to eat and end up that I have my meal after that about an hour. Haha...
I went to the supermarket to find some interesting ingredient. I found this Doi Kham bush bean and I thought of my favorite dish 'Bush bean stir fry with garlic' so I search for the recipe and I found one in the internet. If you can read Thai then follow the link here. http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2011/06/D10733330/D10733330.html
This recipe requires not much ingredients; 
Bush bean, Dried shitake mushroom (I didn't use), Garlic, Dry chilli, Soy sauce, Salt, Vinegar

Prepare ingredients; , If you use dried shitake, soak it in the water until soft. Chop garlic. Wash bush bean. Cut soften shitake mushroom, bush bean and dried chilli into pieces.

ตั้งกระทะ หยอดน้ำมัน ผัดโลด

Heat the pan with cooking oil, when it's ready put the bush bean in. Fry until the bush bean is cooked. The color will be darker. Then you put it aside.




พอถั่วเริ่มสลดลง ก็พักไว้ค่ะ หันมาผัดกระเทียมกับพริกแห้งต่อ

Use the same pan to fry garlic and dried chilli. When it's getting brown put  the bush bean in the pan, season with soy sauce, salt and a little of vinegar. Taste and serve. :)


กระเทียมเริ่มเหลืองหอม ก็จับถั่วแขกที่พักไว้ มารวมมิตรในบัดดล ปรุงรสตามชอบ เคล้าให้เข้ากันซักพักก็พร้อมเสิร์ฟค่ะ :)

Monday, August 6, 2012

Snack review ・Lotte Pie No Mi ・

วันนี้มารีวิวขนมสัญชาติญี่ปุ่นกันค่ะ เจ้าของบล็อกสอยมาจาก B2S
จำได้ว่าราคาไม่แพงมาก แต่ก็จำราคาเป๊ะๆไม่ได้อ่ะค่ะ (แหง่ววว) :p เจ้าของบล็อกนี้จำอะไรได้บ้างล่ะเนี่ย

Today I'll review Japanese snack. It's called "Pie No Mi" or actually it's a petite chocolate pie.
At first sight the design is catching my attraction. It's so cute, so kawaii.
Once I opened the box, it also explain how to eat this pie.
By putting the pie in microwave for 60 seconds (500 watt) or 50 seconds (600 watt) depends on your microwave.
Or you can simply have the pie with your sundae ice cream. 


Lotte Pie No Mi เป็น Chocolate pie ชิ้นเล็กๆค่ะ Package เขาก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูสมกับที่มีสายเลือดญี่ปุ่น
ในกล่องเขาก็บอกวิธีมาด้วย ว่าจะกินให้อร่อยต้องไปอุ่นในไมโครเวฟก่อนนะจ๊ะ
ถ้าไมโครเวฟของตัวเธอมีไฟ 500 วัตต์ ก็อบไป 60 วินาที
แต่ถ้าไฟแรงกว่านั้น ที่ 600 วัตต์ ก็เหลือแค่ 50 วินาทีโลดจ้า
แถมยังมีวิธีกินแบบอื่นๆมาฝากด้วยนะเออ จะกินกับไอศครีมซันเดย์ก็ยังได้นะเอ้อ


เจ้าของบล๊อกก็ไม่รอช้า ดิ่งไปที่ไมโครเวฟ
จัดเรียงขนมตามรูปบนกล่องทันที

เป๊ะมั้ยฮ้า :p

แต่ เอ๊ะ... เนื่องด้วยไมโครเวฟเจ้าของบล็อกเป็นรุ่นที่ไม่บอกวัตต์ค่ะ แล้วก็มีแค่โหมดไฟสูง กับละลายน้ำแข็งเท่านั้น (- . - ;) เอ่ออออ.. เศร้าได้อีก
เจ้าของบล็อกก็เลยไม่อาจทราบได้ ว่าไฟที่ว่าสูงของเจ้าหล่อนนี่มันสูงขนาดไหนกันนะ
เลยเริ่มที่ 50 วินาทีก่อนค่ะ
ออกมาเป็นเช่นนี้
...


จริงๆช็อคโกแลตก็เยิ้มระดับนึงแล้วนะคะ แต่ว่ามันยังไม่สาแก่ใจค่ะ ลองเพิ่มไปอีก 10 วิฯ

โอวววว คราวนี้ไหลเยิ้มหยดย้อยโดนใจเจ้าของบล็อกมาก

Since my microwave don't indicates the watt so I have to start with 50 sec and the result is above picture.
Chocolate starting to melt giving adore aroma and taste good.
But I try adding 10 sec more and below is what I got.
Chocolate is completely melted. I got warm chocolate sauce accompanied with crispy pie.
This is sooo good.
If you can find this snack, please try. :)


ชอบบบบ d(゚ε゚*) ช็อคโกแลตอร่อยยย แป้งพายกรอบบบ มันไปนิ้ดดด
ถ้าผู้ใดสนใจอยากจะลองหามาชิมกันล่ะก็ ตอนนี้ก็เห็นที่ CP Food Market ก็มีจัดโปรโมชั่นอยู่นะคะ ลองดูค่ะ :)

Sunday, August 5, 2012

สับปะรดผัดกับหมู • Pineapple and bacon stir fry

เหมือนจะห่างหายร้างลาจากการทำอาหาร ทำขนมไปนาน แต่จริงๆแล้วเจ้าของบล็อกก็ยังทำอยู่เรื่อยๆนะคะ

แต่ช่วงนี้ก็พยายามหาอะไรง่ายๆทำ เพราะย้ายมาอยู่คอนโดค่ะ พื้นที่น้อย อุปกรณ์บางอย่างก็ไม่ค่อยครบครัน

เมนูนี้ก็เลยง่ายสมใจนึกค่ะ ได้สูตรมาจากหนังสือ อาหารรสวิเศษ ตำรับดั้งเดิม โดย คุณประยูร อุลุชาฎะ เป็นหนังสือที่เก่ามากแล้วนะคะ เจ้าของบล็อกก็ไปสอยมาจาก web ขายหนังสือมือสอง ผู้เขียนท่านมีความรู้เกี่ยวกับอาหารไทนอย่างลึกซึ้งทีเดียวค่ะ อ่านไปก็ได้เกร็ดความรู้ต่างๆไปเรื่อยๆ


ที่ไม่เหมือนใครอีกอย่างคือ เครื่องปรุงต่างๆเขาจะไม่บอกสัดส่วนใดๆค่ะ ซึ่งคนทำอาหารตามสูตรอย่างเจ้าของบล็อกช่วงแรกๆก็เหวอนิดๆ ว่า เอ๊ะ แล้วงี้ฉันจะใส่อะไร สัดส่วนเท่าไหร่กันล่ะ แต่พอทำไป เออ แบบนี้เราก็ปรุงได้ฟรีสไตล์ดี แถมถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องไปโทษใครอื่น ฮ่า...

เริ่มทำอาหารกันเต๊อะ.. สับปะรดผัดกับหมูนี่เป็นเมนูอาหารไทยง่ายๆ ที่ไม่ค่อยเห็นใครทำขายกันนะคะ เครื่องปรุงมีดังนี้ค่ะ

สับปะรด หมูสามชั้น หอม กระเทียม พริกไทย พริกขี้หนู รากผักชี เกลือ น้ำมันพืช (น้ำมันหมู) น้ำปลา

วิธีทำ
เอาหมูสามชั้นมาหั่นเป็นชิ้นบางแผ่นใหญ่ๆ เอาหอม กระเทียม พริกไทย พริกขี้หนู รากผักชีโขลกวนแหลก ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วเอามาผัดกับน้ำมันจนหอม ใส่น้ำเล็กน้อย เอาสับปะรดหั่นเป็นชิ้นๆใส่ ปิดฝากระทะสักพักหนึ่ง ใส่น้ำปลา ตักใส่ชาม รับประทานกับข้าวร้อนๆ เป็นของมีค่าควรแก่แสวงหา (ผู้เขียนท่านเขียนมาอย่างนี้จริงๆนะเอ้อ.. ซึ่งก็อร่อยจริงนะ)

ง้ายยยยง่ายจริงๆเน้อ ลองทำกันดูค่ะ รสชาติอมเปรี้ยวจากสับปะรดนิดๆ แล้วก็มีกลิ่นหอมน้ำปลาชวนให้เจริญอาหาร ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ได้สารอาหารครบ 5 หมู่เลยน้าาาา :)


Seem like I long for cooking and baking but actually I still cook once in a while.
But since I moved to condo therefore I'm looking for easier recipe that require less time, less equipment and less space needed.

This menu that I've made is super easy as I wanted. I brought the recipe from my 2nd handed book that I find from the internet book shop. The writer is having a good knowledge in Thai food and eating culture in each Thai region.
The difference in this cookbook is that writer is not telling exact amount of each ingredient. At first I was blank because I'm the stick-to-recipe cooker so I have no idea how much I could put in any ingredient. But later I think this made me season my dish as the way I want and no one to blame if it turn out bad. Haha...

So.. let's get cooking. This dish is the traditional Thai dish that is not a royal one. (Most of Thai dish are consist of vegetable and less meat, cook in the easy way) List of ingredients as follow;
Pineapple, Bacon, Shallot, Garlic, Pepper, Small capsicum, Coriandre root, Salt, Cooking oil, Fish sauce

Direction
Put shallot, garlic, pepper, small capsicum and coriander root in pestle and mortar. Grind. Add salt. Fry the mixture and bacon in the pan with cooking oil. Add water and pineapple. Close the lid for a while. Add fish sauce. Taste. You should have this dish with Thai jasmine rice. Superb!!

You will get a but sour taste from pineapple and a hint of fish sauce that will boost the appetite. I think the ingredient is not hard to find so let's try it. :)

Thursday, August 2, 2012

โรตี • รีวิว

สวัสดีวันหยุดค่า... วันก่อน เจ้าของบล็อกเอารถไปล้าง นานน้านนนนจะล้างรถซักกะที ระหว่างรอรถก็จะไปหาที่นั่งกินหนมรอ เลยได้ผ่านไปทางซอยพหลโยธิน 6 (ซอยข้าง La Villa อารีย์นั่นแล)

แล้วก็ได้พบร้านโรตีรถเข็นที่อยู่ข้างทางค่ะ เจ้าของบล็อกรับรู้ได้ถึงความอร่อยจากลางสังหรณ์ เลยรีบหันหาคุณแฟนให้จอดรถในทันใด แล้ววิ่งจู๊ดไปสั่ง โรตีกล้วยโอวัลติน




รอไม่กี่อึดใจก็ได้โรตีมาอยู่ในมือ ซึ่ง... มันอร่อยมากกกกกก
เค้าทอดโรตีได้กรอบกร้วมน่าประทับใจจริงๆ ใครผ่านไปแถวนั้น อย่าลืมลองแวะชิมกันนะคะ

ทานเสร็จกลับไปรับรถที่ล้างสะอาดเอี่ยม

แล้ว...

ฝนก็ตก :'(
ฮืออออ ให้มันได้ยังเง้เซ่...


แต่ถ้าไม่เอารถไปล้างก็ไม่ได้เจอโรตีร้านอร่อยสิเนอะ ถือว่าโชคดีก็ด้ะ  :)